สถิติ

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

มะกันประดิษฐ์แจ็คเก็ตเฟซบุ๊ก กอดผู้ใส่เมื่อมีคนกดไลค์


Like-A-Hug



          นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ผุดไอเดียสุดเก๋ ประดิษฐ์เสื้อเฟซบุ๊ก กดไลค์เมื่อไร ถูกกอดเมื่อนั้น

          เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานว่า เมลลิซา คิท ชอว์ นักประดิษฐ์จากสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ในสหรัฐฯ ประดิษฐ์เสื้อแจ็คเก็ต Like-A-Hug ซึ่งติดตั้งเทคโนโลยีไวเลสไว้ และทำงานเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน โดยเมื่อไรที่มีคนมากดไลค์บนเฟซบุ๊ก เสื้อแจ็คเก็ตจะพองตัวและบีบรัดตัวผู้สวมใส่ให้รู้สึกอบอุ่นเหมือนกำลังโดนกอดยังไงยังงั้น

Like-A-Hug

          เมลลิซา เปิดเผยว่า แจ็คเก็ตตัวนี้ถูกสร้างขึ้นมาเอาใจคนที่อยู่ห่างไกลกันให้ได้ส่งความรักความอบอุ่นถึงกันอย่างที่สัมผัสได้จริง โดยแจ็คเก็ตได้จำลองจากรูปแบบการกอดของคน ดังนั้น เมื่อไรที่แจ็กเก็ตพองตัวขึ้นและบีบรัดตัวผู้สวมใส่ ก็จะให้ความรู้สึกเหมือนกับถูกกอดจริง ๆ นั่นเอง

          ก็นับว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าจะถูกอกถูกใจใครหลาย ๆ คนไม่น้อย โดยเฉพาะในหน้าหนาว ใครที่ป๊อปปูลาร์ มีคนกดไลค์ในเฟซบุ๊กมากหน่อย คงจะได้โดนกอดทั้งวันละงานนี้


เฟซบุ๊ก ปิดฟีเจอร์ตั้งคำถาม (Facebook Questions) สำหรับผู้ใช้ทั่วไปแล้ว





          รายงานข่าวล่าสุด เฟซบุ๊ก (Facebook) ประกาศปิดฟีเจอร์ตั้งคำถามหรือ หรือ Facebook Questions โดยจะเริ่มทยอยปิดฟังก์ชั่นตั้งคำถามสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ส่วนทางด้านแฟนเพจ (Facebook Page) และกลุ่ม (Group) ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ได้ตามปกติ

           สำหรับฟีเจอร์ตั้งคำถาม (Facebook Questions) เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2010 เป็นฟีเจอร์ที่เฟซบุ๊กทำออกมาเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตั้งคำถามหรือสร้างโพลล์สำรวจความคิดเห็นด้วยระบบ Facebook Questions เอาไว้ตั้งคำถามที่อยากรู้แล้วให้เพื่อน ๆ เข้ามาตอบหรือโหวต หากคำตอบไม่ถูกใจก็สามารถเพิ่มคำตอบเพิ่มไปในคำถามนั้นได้ แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวกลับไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร

Facebook Questions
 
          ทั้งนี้ การปิดฟีเจอร์ดังกล่าวคาดว่าทางเฟซบุ๊กจะมุ่งพัฒนาฟังก์ชันอื่น ๆ แทน ถึงแม้ทางเฟซบุ๊กจะไม่ได้ให้เหตุผลว่าทำไมถึงปิดฟังก์ชันนี้ แต่ก็พอจะเดาได้ว่าทางเฟซบุ๊กอาจจะทุ่มกำลังไปพัฒนาฟังก์ชันค้นหา (Facebook Search) เพราะเป็นสิ่งที่เฟซบุ๊กตั้งใจที่จะเปิดฟังก์ชันนี้มานานมากแล้ว
 
          อย่างไรก็ดี ต้องมารอดูกันว่า หลังจากที่ปิดฟีเจอร์ตั้งคำถามไปแล้ว ทางเฟซบุ๊กจะงัดไม้เด็ดอะไรออกมาโชว์แทนฟีเจอร์ที่ปิดการใช้งานบางส่วนลงไป

ข่าวด่วน ! รวมแอพอันตรายใน Facebook ที่คุณต้องรีบลบด่วน!


ช่วงนี้ใครที่ใช้ facebook แทบทุกวัน
ก็จะพบว่ามีเพื่อนๆบางคน ส่งแอพแปลกประหลาด
มาให้เราร่วมกันคลิกกันเยอะแยะมากมายเต็ม wall ไปหมด
บางครั้งก็เป็นกิจกรรมเกม แต่บางครั้งแอพนี้แทบจะไร้สาระและน่ารำคาญมากๆ
ซึ่งถ้าหากเรา เพิ่ม app บน facebook ที่เราไม่รู้จักละก็
นอกเหนือจะสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนของคุณๆบน facebook แล้ว
คุณก็อาจตกเป็นเหยื่อในการกระจายพวก Scamware บน facebook
หรือตกเป็นเหยื่อโดนขโมยข้อมูลส่วนตัวได้

ตัวอย่างหนึ่งในแอพอันตรายอันตรายหลายๆแอพใน facebook
วันนี้จะขอนำเสนอรายชื่อ Application Facebook
ที่คาดว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ facebook
โดยทางเว็บไซต์ facerocks
ซึ่งเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับรายงานข่าวด้านความปลอดภัยของ facebook นี้
ได้รวบรวมรายชื่อ Facebook Application ที่ถูกขึ้นเป็นแอพบัญชีดำ
เพราะแอพเหล่านี้จะสร้างความก่อกวนแก่คุณ
และเพื่อนๆของคุณบน facebook , อาจขโมยข้อมูลส่วนตัว
และปล่อยไวรัสมัลแวร์กระจายต่างๆทาง facebook ได้ด้วย
ซึ่งหากคุณมีแอพที่ตรงกับรายชื่อนี้

........***...ให้ทำการลบแอพนี้ออกโดยเร็ว...***.........

รายชื่อแอพพลิเคชั่นอันตรายบน facebook
ที่ทางเว็บไซต์ Facerocks ได้ประกาศเตือนขึ้นไว้เป็นบัญชีดำ ได้แก่

......... * ... Are YOU Interested?
......... * ... Get Revealed
......... * ... Friends Secrets
......... * ... ily or not
......... *.... Would you rather
......... * ... My Friend Secrets
......... * ... Question Party
......... * .... Friend Ville
......... * ... friend.ly
......... * ... tinychat
......... * ... WAYN – Map Your Friends
......... * ... Friends Photos
......... * ... Daily Mood
........ * ... 21 Questions
......... * ... love
......... * ... 21QUIZ12
......... * ... Questions
......... * ... THE FRIEND FIGHTING QUIZ
......... * ... Best Looking Contest, etc.
......... * ... tag friends ♥
......... * ... Best Friends
......... * ... Are you my best friend ???
......... * ... Truth Quiz
......... * ... What Colour Are You!!!
......... * ... Truths About You

หากพบแอพพลิเคชั่นเหล่านี้.....ให้ทำการลบแอพนี้ออกทันทีโดยด่วน
โดยเข้าไปตั้งค่าทางลิงค์นี้ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวบัญชี facebook ของคุณ
รวมทั้ง Facebook เพื่อนๆของคุณด้วย
ข้อมูลจาก Facerocks.......

FB ยัน ข้อความลับส่วนตัว บน Facebook รั่วไหลปรากฎบน Timeline!! เป็นเรื่องเข้าใจผิด


FB ยัน ข้อความลับส่วนตัว บน Facebook รั่วไหลปรากฎบน Timeline!! เป็นเรื่องเข้าใจผิด


ข่าวใหญ่อีกครั้งในแบบที่ผู้ใช้ facebook คนอื่นๆไม่รู้ตัว พอมารู้อีกทีว่าข้อความส่วนตัวที่เคยแชตใน  Message แบบลับๆหาเพื่อน ในสมัยปี 2007-2009 ซึ่งเป็นหน้าโปรไฟล์แบบเก่า พอมาเป็น Timeline แล้ว กลายเป็นมาโพส Message ลับ ย้อนหลังให้เพื่อนๆของคุณได้แบบเปิดเผย
โดยภาพนี้จากผู้ใช้ Facebook ชาวฝรั่งเศส อ้างว่า เคยส่งข้อความส่วนตัวกับเพื่อนๆบน Facebook แต่มันรั่วแสดงปรากฎบน Timeline  ของโปรไฟล์ตัวเอง
ทางด้าน facebook ได้ให้สัมภาษณ์แก้ข่าวว่า “ไม่มีอาการผิดปกติ โดยทีมวิศวกร Facebook ได้เข้าไปตรวจสอบข้อความเหล่านั้นแล้ว พบว่าเป็นข้อความที่เปิดเผยบนหน้าโปรไฟล์แบบเก่า ซึ่งเทียบเท่ากับหน้า Timeline อยู่แล้ว และยืนยันว่าไม่มีข้อความที่รั่วไหลแต่อย่างใด”
ปัญหานี้อาจเกิดจาก Timeline แสดงข้อความเก่าๆ ได้ง่ายกว่าเดิม ทำให้ข้อความที่เคยพูดคุยกันไปมาบนหน้า Wall เมื่อหลายปีก่อนและผู้ใช้ลืมไปแล้ว กลับขึ้นมาแสดงบน Timeline  และ facebook ยืนยันให้ความมั่นใจอีกครั้งว่าระบบข้อความส่วนตัวนั้นแยกออกจากระบบอื่นๆ อย่างสมบูรณ์ไม่มีทางหลุดเด็ดขาด 


แต่ถ้าหากว่าคุณยังไม่มั่นใจว่าข้อความที่โพสใน Message จะรั่วมั้ย ก็ใช้วิธีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อนคือ ให้คลิกที่ชื่อผู้ใช้บน ขวาบนของเว็บ facebook   เลือก “ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว”  ดังตัวอย่างรูปบนนี้
แล้วคลิกที่ “แก้ไขการตั้งค่า”  ในบริเวณโซน “ลำดับเหตุการณ์และป้ายกำกับ”

จากนั้นลองดูที่รายการ “Who can see what others post on your timeline” ให้เลือกตรงเมนู dropdown ไปยังที่“ ปรับปรุงให้เหมาะสม” ดังรูป

แล้วเลือกเปลี่ยนมาที่ “แค่ฉัน” แล้วคลิก “บันทึกการเปลี่ยนแปลง” เป็นอันเสร็จสิ้น
นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆอีกที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ ติดตามได้ในบทความต่อไป แต่… หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง คุณมีความกังวลในเรื่องความเป็นส่วนตัวบน  Facebook หรือไม่ ?

เฟซบุ๊กอัพเดทใช้อีโมติคอนแสดงภาพในคอมเมนท์ได้แล้ว




          อีกหนึ่งลูกเล่นของชาวเฟซบุ๊กก็คือการใช้งานอีโมติคอนเป็นรูปต่าง ๆ ส่งให้เพื่อน ๆ ตอนพิมพ์ข้อความแชทกันผ่าน Facebook Chat หรือส่ง Messages เพื่อเพิ่มรสชาติในการพูดคุยแทนที่จะพิมพ์ข้อความ แต่ใส่อีโมติคอนน่ารัก ๆ แทนคำพูด และการใช้งานอีโมติคอนมีหลากหลายวิธี หลายแบบ บางตัวก็เป็นแอพฯ บางตัวก็เป็นข้อความให้ก็อปปี้ไปวาง


          ล่าสุดเฟซบุ๊กได้อัพเดทข้อความที่คอมเมนท์เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ  ให้กลายเป็นรูปภาพอีโมติคอนแล้ว เมื่อเราโพสต์ข้อความคอมเมนท์ที่มีลักษณะเป็นอีโมติคอน ข้อความดังกล่าวก็จะแสดงเป็นรูปอีโมติคอน ชมภาพตัวอย่างด้านล่างจ้า


ทดสอบคอมเมนท์ผ่านเว็บเฟซบุ๊ก


ลองใช้ผ่านเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นมือถือ (m.facebook.com)

          ทั้งนี้ จากการทดสอบสามารถใช้งานอีโมติคอนได้เฉพาะเว็บไซต์เฟซบุ๊กที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น ส่วนแอพฯ เฟซบุ๊กหรือเฟซบุ๊กเวอร์ชั่นมือถือยังไม่สามารถแสดงผลเป็นแบบอีโมติคอนได้ จะเห็นเป็นข้อความธรรมดา ๆ และยังไม่สามารถใช้ได้กับ Status Update (อัพเดทสถานะ) ถ้าพร้อมแล้วไปสนุกกับการใช้อีโมติคอนในคอมเมนท์กันเลย

รวบแล้ว มือแพร่ภาพเด็กเสพยา ว่อนเฟสบุ๊ค


เผยอยู่ที่อุดรฯ เล็งประสานขอหมายศาลดำเนินการจับกุม
จากกรณีที่มีมือดีแพร่ภาพเด็กหญิงวัย2-3 ขวบ กำลังหัดเสพยาเสพติด ลงในเฟสบุ๊ค จนเกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และจี้ให้ทางการเร่งจัดการนั้น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบถึงต้นตอของภาพดังกล่าวแล้ว
โดยพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ปปส. ที่ได้ลงมาติดตามเรื่องนี้ด้วยตัวเองเผยว่า เจ้าของเพจที่โพสต์ภาพดังกล่าว เป็นคนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี ตอนนี้ได้ประสานงานกับทางตำรวจในพื้นที่เพื่อติดตามตัวแล้ว คาดว่าอีกไม่นานก็สามารถนำตัวเจ้าของเพจ และติดตามตัวผู้โพสต์ภาพมาดำเนินคดีได้
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้  หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ข้อมูล และหมายจับ ก็ได้นำกำลังเข้าจับตัวมือโพสต์ภาพทันที ทราบชื่อต่อมา คือ นายเอ (นามสมมติ) อายุ 16 ปี ชาวต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าของเฟซบุ๊กที่มีการปล่อยภาพ
ซึ่งจากการสอบสวน นายเอยอมรับสารภาพว่าเป็นคนถ่ายภาพและโพสต์ภาพเด็กหญิงวัย 3 ขวบ ขณะกำลังทำท่าคล้ายกับเสพยาเอง โดยอ้างว่าเป็นเพียงการสมมติไม่ใช่การเสพจริง
แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อจึงควบคุมตัวนายเอ ไปยังบ้านพักเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม อย่างไรก็ดีในวันพรุ่งนี้ (7ต.ค.) พล.ต.อ.พงศพัศ   พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. และเลขาธิการ ป.ป.ส เตรียมแถลงข่าวต่อไป

อ้วน-จน-ขี้เกียจ! 3 สิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากมีเพื่อนในเฟซบุ๊กเยอะ




          สาวกโซเชียลเน็ตเวิร์กหลายคนคงรู้สึกภูมิใจนักหนากับจำนวน "Friends" หรือ "เพื่อน" ในหน้าเฟซบุ๊กของตนเอง นัยว่ายิ่งจำนวนเพื่อนเยอะเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่าเขานั้นกว้างขวาง เพื่อนเยอะ คนรู้จักมากมาย ดูแล้วเป็นคนดังดีจัง เปิดหน้าเฟซบุ๊กขึ้นมาแต่ละที ก็เพลิดเพลินกับการอัพเดทสิ่งต่าง ๆ ที่บรรดาเพื่อนฝูงจำนวนมหาศาลแชร์กันมาในสเตตัสของตน แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่คืบคลานมาช้า ๆ พร้อมกับจำนวนเพื่อนที่มีมากขึ้น ก็คือโอกาสที่เจ้าของเฟซบุ๊กผู้กว้างขวางคนนั้นจะเป็นคน "อ้วน" "จน" และ "ขี้เกียจ" มันมีเยอะมากน่ะสิ!!

          ทั้งนี้ เว็บไซต์เดลิเมลของอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยนำเสนอผลการสำรวจของ 2 ศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกา คีธ วิลค็อกซ์ จากมหาวิทยาลัยโคลอมเบีย และ แอนดรูว์ สตีเฟน จากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ซึ่งทั้งทำการสำรวจผู้ใช้เฟซบุ๊กกว่า 500 ราย ในหัวข้อว่าด้วย เพื่อนในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ความมั่นใจในตนเอง และความสามารถในการควบคุมตนเอง โดยได้ทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมในโลกออนไลน์ สถานะทางการเงิน และพฤติกรรมการกินแบบไม่บันยะบันยัง รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวพื้นฐานอย่าง น้ำหนัก ส่วนสูง 

          ผลปรากฏว่า ผู้ที่เข้าใช้เฟซบุ๊กบ่อย ๆ มีดัชนีมวลกาย (BMI) สูง มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการกินแบบไม่อั้นเยอะ แถมยังเป็นหนี้บัตรเครดิตมากอีกด้วย 

          ส่วนอีกการทดลองหนึ่ง ก็แบ่งผู้ถูกทดสอบออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้เล่นเฟซบุ๊กเป็นเวลา 5 นาที ส่วนอีกกลุ่มให้นั่งท่องโลกออนไลน์ไปเรื่อย ๆ จากนั้นจึงสอบถามคนทั้งหมดถึงความสมัครใจในการเข้าร่วมการประมูล The New iPad ผลที่ได้ปรากฏว่า ผู้ที่เล่นเฟซบุ๊ก และมีจำนวนเพื่อนในเฟซบุ๊กมาก มีสถิติตอบรับการเข้าร่วมการประมูลมากที่สุด 


          จากผลการทดสอบทั้ง 2 กลุ่ม ออกมาสอดคล้องกันและชี้ให้เห็นว่าข้อสรุปที่ฟังแล้วรู้สึกเหลือเชื่อ และคิดว่าไม่น่าจะมาเกี่ยวข้องกันได้ว่า จำนวนเพื่อนในเฟซบุ๊กนั้นส่งผลต่อภาวะทางจิตใจบางประการ นั่นคือการมีจำนวนเพื่อนมาก ทำให้คนคนนั้นรู้สึกดีกับตัวเองมาก ทว่าความรู้สึกมั่นใจในตัวเองสูงแบบนี้ กลับไปลดความสามารถในการควบคุมตัวเองให้ต่ำลง จนเผลอปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับสิ่งที่รู้ว่าทำแล้วผลที่ได้ไม่ค่อยจะดี อย่างการให้รางวัลที่ตัวเองรู้สึกดี ด้วยการกินตามใจปากฉลองความสุข หรือการช้อปปิ้งมือเติบจ่ายเงินเป็นฟ่อน แถมยังใช้เวลากับโซเชียลเน็ตเวิร์กมากเกินไปจนไม่เป็นอันทำอะไรด้วย ซึ่งเป็นที่มาของความ "อ้วน" "จน" และ "ขี้เกียจ" นั่นเอง